อัพยยศัพท์ (indeclinable) คือ ศัพท์ที่ไม่ได้แจกด้วยวิภัตติทั้ง 7 อย่างนามศัพท์ คงรูปอยู่อย่างเดียว   แบ่งเป็น 3 คือ

  1. อุปสัค (prefix)  (เติมหน้าคำ)
  2. นิบาต (particle)
  3. ปัจจัย (suffix)  (เติมท้ายคำ)

 

อุปสัค

อุปสัค แปลว่า เข้าไปจัดแจง (อรรถของธาตุ)

อติ ยิ่ง, เกิน, ล่วง อุป เข้าไป, ใกล้, มั่น
อธิ ยิ่ง, ใหญ่, ทับ นิ เข้า, ลง
อภิ ยิ่ง, ใหญ่, จำเพาะ, ข้างหน้า นิ ไม่มี, ออก
อนุ น้อย, ภายหลัง, ตาม ทั่ว, ข้างหน้า, ก่อน, ออก
อป ปราศ, หลีก ปฏิ เฉพาะ, ตอบ, ทวน, กลับ
อปิ, ปิ ใกล้, บน ปริ รอบ
อุ ขึ้น, นอก วิ วิเศษ, แจ้ง, ต่าง
อว, โอ ลง สํ พร้อม, กับ, ดี
ปรา กลับความ สุ ดี, งาม, ง่าย
อา ทั่ว, ยิ่ง, กลับความ ทุ ชั่ว, ยาก

อุปสัค ใช้นำหน้านามนาม คุณนาม และกิริยา ให้พิเศษขึ้น  
เมื่อนำหน้านาม อุปสัคนั้นมีอาการคล้ายคุณนาม
เมื่อนำหน้ากิริยา อุปสัคนั้นมีอาการคล้ายกิริยาวิเสสนะ

ประกอบหน้านามนาม  อุปสัคนั้นมีอาการเหมือนคุณนาม  เช่น
อติปณฺฑิโต เป็นบัณฑิตยิ่ง    อธิสกฺกาโร สักการะยิ่ง

ประกอบหน้าคุณนาม  อุปสัคนั้นมีอาการเหมือนคุณนาม    เช่น
อติสุนฺทโร  ดียิ่ง    สุคนฺโธ  มีกลิ่นดี (หอม)    ทุคฺคนฺโธ  มีกลิ่นชั่ว (เหม็น)

ประกอบหน้ากิริยา อุปสัคนั้นมีอาการเหมือนกิริยาวิเสสนะ  เช่น
อติกฺกมติ  ย่อมก้าวล่วง    อธิเสติ  ย่อมนอนทับ    อปคโต  ไปปราศแล้ว

เมื่อประกอบอุปสัคหน้าธาตุ ทำให้ความหมายของธาตุเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนไป คือ

  1. ไม่เปลี่ยนความหมายของธาตุ ความหมายคงเดิม เช่น
    สิจ ธาตุ ‘รด, ราด’    ลง อา อุปสัค    เป็น อาสิญฺจติ  แปลว่า ‘รด, ราด’
    มส ธาตุ ‘จับ, ต้อง’    ลง อา อุปสัค    เป็น อามสติ  แปลว่า ‘จับ, ต้อง’
  2. เปลี่ยนความหมายของธาตุไป จนไม่เหลือเค้าความหมายเดิม  เช่น
    ภู ธาตุ ‘มี เป็น’    ลง อนุ อุปสัค    เป็น อนุโภติ  แปลว่า ‘เสวย’
    ภู ธาตุ ‘มี เป็น’    ลง อภิ อุปสัค    เป็น อภิภวติ  แปลว่า ‘ครอบงำ’
    หร ธาตุ ‘นำไป’    ลง อุปสัค    เป็น ปหรติ  แปลว่า ‘ประหาร, ทุบ, ตี’
    จิ ธาตุ ‘สั่งสม’    ลง นิ โอ อุปสัค    เป็น วินิจฺฉยติ โอจินาติ แปลว่า ‘ตัดสิน’
  3. เปลี่ยนความหมายของธาตุไป มากบ้าง น้อยบ้าง
    หรือกลับความหมายให้เป็นตรงกันข้าม แต่ก็ยังเห็นเค้าความหมายเดิมของธาตุนั้นได้อยู่   เช่น
    คห ธาตุ ‘รับ จับ’    ลง ปฏิ อุปสัค    เป็น ปฏิคฺคณฺหาติ  แปลว่า ‘รับเฉพาะ-รับประเคน’
    หุ ธาตุ ‘มี เป็น’    ลง อุปสัค    เป็น ปโหติ  แปลว่า ‘มีทั่ว-เพียงพอ’
    คม ธาตุ ‘ไป’    ลง อา อุปสัค    เป็น อาคจฺฉติ  แปลว่า ‘มา’
    ชิ ธาตุ ‘ชนะ’    ลง ปรา อุปสัค    เป็น ปราชยติ แปลว่า ‘แพ้’
    กม ธาตุ ‘ก้าวไป’    ลง ปฏิ อุปสัค    เป็น ปฏิกฺกมติ แปลว่า ‘ก้าวกลับ

การใช้ นิ อุปสัค

นิ  มีอยู่ 2 ศัพท์ คือ
   นิ  ที่แปลว่า  เข้า,  ลง
   นิ  ที่แปลว่า  ไม่มี,  ออก

นิ ที่แปลว่า เข้า,  ลง    ลงไปแล้วไม่ต้องเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมอะไร  เช่น

นิวาโส    ความเข้าอยู่ (นิ-วาส-ณ)
นิมุคฺโค    ดำลงแล้ว (นิ-มุชฺช-ณ)
นิคจฺฉติ    ย่อมเข้าถึง (นิ-คม)
นิกุชฺชติ    ย่อมก้มลง-งอลง (นิ-กุชฺช)
นิทหติ    ย่อมตั้งลง, ฝัง, เก็บ (นิ-ธา>ทห)

นิ ที่แปลว่า ไม่มี, ออก  ลงไปแล้ว  มักซ้อนตัว หรือ ลง อาคม   เช่น

นิรนฺตราโย    ไม่มีอันตราย  (นิ-อนฺตราโย)
นิพฺภโย    ไม่มีภัย  (นิ-ภโย)
นิกฺขนฺโต    ก้าวออกแล้ว  (นิ-ขนฺโต)
นิกฺกฑฺฒติ    ย่อมคร่าออก (นิ-กฑฺฒติ)

ถ้าอยู่หน้า ร หรือ ห   ไม่ซ้อนตัวหรือลง ร อาคม  แต่ให้ทีฆะ อิ เป็น อี   เช่น

นีหรณํ  การนำออก
นีรโส  ไม่มีรส
นีโรโค  ไม่มีโรค

ตัวอย่างศัพท์ที่ลงอุปสัค

อติ ยิ่ง เกิน ล่วง
  อติสุนฺทโร ดียิ่ง, ดีเกิน อติกฺกมติ ย่อมก้าวล่วง.  
อธิ ยิ่ง ใหญ่ ทับ
  อธิสกฺกาโร สักการะยิ่ง อธิปติ นายใหญ่ อธิเสติ นอนทับ.
อภิ ยิ่ง ใหญ่ จำเพาะ ข้างหน้า
  อภิปฺปสนฺโน เลื่อมใสยิ่ง อภิภู ผู้เป็นใหญ่ อภิชฺฌา ความเพ่งเฉพาะ, โลภ
  อภิกฺกโม ความก้าวไปข้างหน้า.    
อนุ น้อย ภายหลัง ตาม
  อนุนายโก นายกน้อย อนุโช ผู้เกิดในภายหลัง, น้อง อนุคจฺฉติ ไปตาม.
อป ปราศ หลีก
  อปเนติ นำปราศ อปคจฺฉติ หลีกไป.  
อปิ ปิ ใกล้ บน
  อปิกจฺโฉ ใกล้รักแร้ อปิกณฺโณ ใกล้หู ปิทหติ วางข้างบน, ปิด
  อปิธานํ เครื่องวางข้างบน, ฝาปิด    
อปิ หรือ ปิ ศัพท์นี้ ไม่มีที่ใช้ในภาษามคธนัก เห็นมีแต่คำว่า อปิธานํ และ ปิทหติ เท่านั้น
ถึงศัพท์ว่า อปิกจฺโฉ อปิกณฺโณ ก็ไม่ใช่ภาษามคธแท้ แปลงเอามาแต่ภาษาสันสกฤต เพื่อเป็นอุทาหรณ์ที่แปลว่า ใกล้ เท่านั้น,
ในดิกชันนารีสันสกฤตว่า ในสันสกฤต ภายหลังเขาประกอบ อภิ ใช้แทนในที่ของ อปิ โดยมาก.
อุ ขึ้น นอก
  อุคฺคจฺฉติ ขึ้นไป อุปฺปโถ นอกทาง.  
อว โอ ลง
  อวํสิโร มีหัวลง โอตรติ หยั่งลง.  
ปรา กลับความ
  ปราชโย ความแพ้ (ชโย ความชนะ) ปราภโว ความฉิบหาย (ภโว ความเจริญ)
อา ทั่ว ยิ่ง กลับความ
  อาปูรติ เต็มทั่ว อาภาติ สว่างยิ่ง  
  อาคจฺฉติ มา (คจฺฉติ ไป) อาเนติ นำมา (เนติ นำไป)  
อุป เข้าไป ใกล้ มั่น
  อุปจินาติ เข้าไปสั่งสม อุปคจฺฉติ ไปใกล้ อุปาทิยติ ถือมั่น.
นิ เข้า ลง
  นิคจฺฉติ เข้าถึง นิกุชฺฌติ งอเข้า นิขนติ ขุดลง
  นิทหติ ตั้งลง, ฝัง.    
นิ ไม่มี ออก
  นิรนฺตราโย ไม่มีอันตราย นิกฺกฑฺฒติ ฉุดออก.  
ทั่ว ข้างหน้า ก่อน ออก
  ชานาติ รู้ทั่ว าเชติ (ขับ)ไปข้างหน้า ภวติ เกิดก่อน, มีก่อน
  คฺฆรติ ไหลออก    
ปฏิ เฉพาะ ตอบ ทวน กลับ
  ปติฏฺฐาติ ตั้งจำเพาะ ปฏิวจนํ คำตอบ ปฏิโสตํ ทวนกระแส
  ปจฺจาคจฺฉติ กลับมา.    
ปริ รอบ
  ปริญฺญา ความรอบรู้ ปริพฺภมติ หมุนรอบ  
วิ วิเศษ แจ้ง ต่าง
  วิชานาติ รู้แจ้ง รู้วิเศษ วิวิโธ มีอย่างต่างๆ วิวรติ เปิด (สํวรติ ปิด, กั้น)
สํ พร้อม กับ ดี
  สญฺจรติ เที่ยวไปพร้อม, เที่ยวไปกับ สญฺฉวี มีผิวดี  
สุ ดี งาม ง่าย
  สุนกฺขตฺตํ ฤกษ์ดี สุเนตฺโต คนมีตางาม สุกรํ ทำง่าย
ทุ ชั่ว ยาก
  ทุคฺคนฺโธ กลิ่นชั่ว ทุกฺกรํ ทำยาก  

 

นิบาต

นิบาต ใช้ลงในระหว่างนามศัพท์บ้าง กิริยาศัพท์บ้าง  เพื่อบอก

  • อาลปนะ  (ภนฺเต)
  • กาล  (หิยฺโย)
  • ที่  (อนฺโต)
  • ปริจเฉท  (ยาว)
  • อุปไมย  (วิย)
  • ปฏิเสธ  (โน)
  • ความได้ยินเล่าลือ  (กิร)
  • ความปริกัป  (สเจ)
  • ความถาม  (กึ)
  • ความรับ  (อาม)
  • ความเตือน  (หนฺท)  เป็นต้น  รวมทั้ง
  • นิบาตสำหรับผูกศัพท์และประโยค  (หิ เพราะว่า)
  • นิบาตสักว่าเป็นเครื่องทำบทให้เต็ม (วต หนอ)
  • นิบาตมีเนื้อความต่างๆ (ปุน อีก  สยํ เอง)

นิบาตบอกอาลปนะ

ยคฺเฆ ขอเดชะ
ภนฺเต, ภทนฺเต ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (ผู้น้อยพูดกับผู้ใหญ่)
ภเณ พนาย (คนผู้ดีเรียกคนใช้)
อมฺโภ     แน่ะผู้เจริญ (ใช้เรียกชายด้วยวาจาสุภาพ)
อาวุโส ดูก่อนผู้มีอายุ (พระพรรษาแก่ เรียกพระพรรษาอ่อน, พระเรียกคฤหัสถ์)
เร, อเร เว้ย, โว้ย (ใช้เรียกคนเลวทราม)
เห เฮ้ย (ใช้เรียกคนเลวทราม)
เช แม่  (ใช้เรียกสาวใช้)

นิบาตบอกกาล

ทิวา (ในเวลากลาง)วัน ปาโต ในเวลาเช้า
หิยฺโย ในวันวาน, เมื่อวาน สายํ ในเวลาเย็น
ปรหิยฺโย, ปเร ในวันซืน, เมื่อวานซืน อถ, อโถ ครั้งนั้น, ลำดับนั้น, ภายหลัง, อนึ่ง
เสฺว, สุเว ในวันพรุ่ง สมฺปติ บัดเดี๋ยวนี้
ปรสุเว ในวันมะรืน อายตึ ต่อไป
อภิกฺขณํ เนืองๆ    

นิบาตบอกที่

อุทฺธํ, อุปริ เบื้องบน โอรํ ฝั่งใน
อโธ เบื้องต่ำ ปารํ ฝั่งนอก
อนฺโต, อพฺภนฺตรํ ภายใน หุรํ โลกอื่น
ติโร, พหิ, พหิทฺธา, พาหิรา ภายนอก สมฺมุขา ต่อหน้า
เหฏฺฐา ภายใต้ ปรมฺมุขา ลับหลัง
อนฺตรา ระหว่าง รโห ที่ลับ

นิบาตบอกปริจเฉท

กีว เพียงไร    
ยาว เพียงใด ตาว เพียงนั้น
ยาวตา มีประมาณเพียงใด ตาวตา มีประมาณเพียงนั้น
กิตฺตาวตา มีประมาณเท่าใด เอตฺตาวตา มีประมาณเท่านั้น
ยาวเทว เพียงใดนั่นเทียว ตาวเทว เพียงนั้นนั่นเทียว
สมนฺตา โดยรอบ    

นิบาตบอกอุปมาอุปไมย

ยถา, เสยฺยถา ฉันใด วิย ราวกะ
ตถา, เอวํ ฉันนั้น อิว เพียงดัง

นิบาตบอกประการ

ยถา, กถํ โดยประการใด ตถา, เอวํ โดยประการนั้น

นิบาตบอกปฏิเสธ

น, โน ไม่ อลํ พอ, อย่าเลย
มา อย่า เทียว
วินา, อญฺญตฺร เว้น เอว นั่นเทียว

นิบาตบอกความได้ยินคำเล่าลือ

  กิร, ขลุ, สุทํ ได้ยินว่า

นิบาตบอกปริกัป

เจ หากว่า อปฺเปว นาม ชื่อแม้ไฉน
สเจ, อถ ถ้าว่า ยนฺนูน กระไรหนอ
ยทิ ผิว่า    

นิบาตบอกความถาม

กึ หรือ, อะไร กจฺจิ แลหรือ
นุ หนอ กถํ อย่างไร
นนุ มิใช่หรือ เสยฺยถีทํ อย่างไรนี้
อุทาหุ, อาทู หรือว่า    

นิบาตบอกความรับ

  อาม, อามนฺตา เออ (ครับ, ค่ะ, ใช่ ...)

นิบาตบอกความเตือน

อิงฺฆ เชิญเถิด หนฺท, ตคฺฆ เอาเถิด

นิบาตสำหรับผูกศัพท์และประโยค

ปน, ตุ ก็, ส่วนว่า อถวา อีกอย่างหนึ่ง
ก็, จริงอยู่, อนึ่ง, ด้วย วา หรือ, บ้าง, ก็ดี, ก็ตาม
หิ ก็, จริงอยู่, เพราะว่า อปิ แม้, บ้าง
    อปิจ เออก็

นิบาตสักว่าเป็นเครื่องทำบทให้เต็ม

นุ, วต หนอ เว, หเว เว้ย, แล
โข แล โว โว้ย, แล
สุ สิ    

นิบาตมีเนื้อความต่างๆ

ปุน อีก สห, สทฺธึ กับ, พร้อม
ปุนปฺปุนํ บ่อยๆ สยํ, สามํ เอง
เตนหิ ถ้าอย่างนั้น นูน แน่
ภิยฺโย ยิ่ง อทฺธา, อวสฺสํ แน่แท้
ภิยฺโยโส โดยยิ่ง อญฺญทตฺถุ โดยแท้
สมฺมา โดยชอบ มญฺเญ เห็นจะ..., น่าจะ...
มิจฺฉา ผิด ปจฺฉา ภายหลัง
มุสา เท็จ ปฏฺฐาย, ปภูติ ตั้งแต่, จำเดิม
อลิกํ ไม่จริง, เหลาะแหละ ปุถุ มาก, ต่างหาก
มุธา เปล่า อีสกํ นิดหน่อย, เล็กน้อย
อุจฺจํ สูง กฺวจิ บ้าง
นีจํ ต่ำ อารา ไกล
สกึ คราวเดียว อาวี, สจฺฉิ แจ้ง
สตกฺขตฺตุํ ร้อยคราว นานา ต่างๆ
สณิกํ ค่อยๆ, เบาๆ, ช้า วิสุํ แยก, เฉพาะ, ต่างหาก
ขิปฺปํ, สหสา พลัน, โดยพลัน กิญฺจาปิ แม้ก็จริง, แม้โดยแท้
ลหุ, ลหุํ, ลหุโส เร็ว, พลัน, เบา ตาว ก่อน
อรํ, อาสุํ, ตุณฺณํ เร็ว, พลัน ปฐมํ ก่อน, ทีแรก, ครั้งแรก
อจิรํ ไม่นาน, เร็ว เอวํ, อิติ, อิตฺถํ อย่างนี้
จิรํ, จิรสฺสํ กาลนาน สกฺกจฺจํ โดยเคารพ
สาธุ ดีละ, ดังข้าพเจ้าขอโอกาส (ชมเชย, ขอโอกาส)
สาธุ, สุฏฺฐุ ดีแล้ว (อนุโมทนา, พลอยยินดี)
ทุฏฺฐุ ไม่ดี, น่ารังเกียจ
อโห โอ (น่าอัศจรรย์; สรรเสริญ/ติเตียน; ปรารถนา)
นาม ชื่อ, ชื่อว่า, ธรรมดา, ธรรมชาติ
อิติ เพราะเหตุนั้น, ว่า...ดังนี้, ด้วยประการฉะนี้, ชื่อว่า

 

ปัจจัย

สำหรับลงท้ายนามศัพท์    เป็นเครื่องหมายวิภัตติ
สำหรับลงท้ายธาตุ    เป็นเครื่องหมายกิริยาและวิภัตติ

ปัจจัยอัพยยศัพท์นี้ มีทั้งหมด 22 ตัว แบ่งเป็น 4 พวก  คือ

ปัจจัย จำนวน ใช้ลงท้าย เป็นเครื่องหมาย
1.    โต 1 นามนามและสัพพนาม ตติยาวิภัตติ (ข้าง) - ปัญจมีวิภัตติ (จาก-แต่)
2.    ตฺร  ตฺถ  ห  ธ  ธิ  หึ  หํ  หิญฺจนํ  ว 9 สัพพนาม สัตตมีวิภัตติ (ใน)
3.    ทา  ทานิ  รหิ  ธุนา  ทาจนํ  ชฺช  ชฺชุ 7 สัพพนาม สัตตมีวิภัตติ (ใน) ใช้เฉพาะเรื่องกาลเวลา
4.    ตเว  ตุํ   ตูน  ตฺวา  ตฺวาน 5 ธาตุ อัพยยกิริยา (แล้ว)
ปฐมาวิภัตติ (การ) - จตุตถีวิภัตติ (เพื่อ)

โต ปัจจัย ใช้ลงท้ายนามนามและสัพพนาม
เป็นเครื่องหมาย ตติยาวิภัตติ แปลว่า ข้าง
เป็นเครื่องหมาย ปัญจมีวิภัตติ แปลว่า จาก-แต่

โต แต่…ใด เอกโต** ข้างเดียว
โต แต่…นั้น อุภโต ข้างทั้งสอง
เอโต* เอตฺโต โต แต่…นั่น ปรโต ข้างอื่น
อิโต แต่…นี้ อปรโต ข้างอื่นอีก
อมุโต แต่…โน้น ปุรโต ข้างหน้า
อญฺญโต แต่…อื่น ปจฺฉโต ข้างหลัง
อญฺญตรโต แต่…อันใดอันหนึ่ง ทกฺขิณโต ข้างขวา
สพฺพโต แต่…ทั้งปวง วามโต ข้างซ้าย
กุโต แต่…ไหน อุตฺตรโต ข้างเหนือ
กตรโต แต่…อะไร อธรโต ข้างล่าง
อิตรโต แต่…นอกนี้    

* เอโต ไม่พบที่ใช้ ใน ไตร.
** เอกโต โดยมากแปลว่า  "โดยความเป็นอันเดียวกัน" (โดยความเป็นหนึ่ง) =เอก(ภาว)โต  เป็นสมาส ลบ 'ภาว'

ตฺร ตฺถ ห ธ ธิ หึ หํ หิญฺจนํ ว ปัจจัย
ใช้ลงท้ายสัพพนาม เป็นเครื่องหมาย สัตตมีวิภัตติ แปลว่า ใน

ตฺร, ตฺถ, หึ,หํ   ใน…ใด
ตฺร, ตฺถ, หึ,หํ   ใน…นั้น
ตฺร, ตฺถ, เอตฺถ,   อิธ, อิ ใน…นี้
อญฺญตฺร, อญฺญตฺถ     ใน…อื่น
ตฺร, ตฺถ, กุหึ,หํ, กุหิญฺจนํ, กฺ ใน…ไหน *
  ตฺถจิ     ใน…ไหน, ในที่ไหนๆ, ในที่บางแห่ง
สพฺพตฺร, สพฺพตฺถ,   สพฺพธิ ใน…ทั้งปวง
เอกตฺร, เอกตฺถ     ใน…เดียว
อุภยตฺร, อุภยตฺถ     ใน…สอง
อมุตฺร       ใน...โน้น

* กตฺร กุหิญฺจนํ กฺว ไม่พบที่ใช้ หรือใช้น้อยมาก

ทา ทานิ รหิ ธุนา ทาจนํ ชฺช ชฺชุ ปัจจัย ใช้ลงท้ายสัพพนาม
เป็นเครื่องหมาย สัตตมีวิภัตติ แปลว่า ใน   ลงในกาลอย่างเดียว

ทา ในกาลใด, เมื่อใด รหจิ ในกาลไหนๆ, บางครั้ง
ทา ในกาลนั้น, เมื่อนั้น ธุนา ในกาลนี้, เมื่อกี้
เอกทา ในกาลหนึ่ง, บางที กุทาจนํ ในกาลไหน
สพฺพทา, ทา ในกาลทั้งปวง, ในกาลทุกเมื่อ ชฺช ในวันนี้
ทา ในกาลไร, เมื่อไร ชฺชุ ในวันมีอยู่, ในวันนี้
ทาจิ ในกาลไหน, บางคราว ปรชฺชุ ในวันอื่น
อิทานิ, เอตรหิ ในกาลนี้, เดี๋ยวนี้ อปรชฺชุ ในวันอื่นอีก

ตเว ตุํ ปัจจัย ในนามกิตก์ ใช้ลงท้ายธาตุ*
เป็นเครื่องหมายปฐมาวิภัตติ แปลว่า อ.อัน, อ.การ
เป็นเครื่องหมายจตุตถีวิภัตติ แปลว่า เพื่ออัน, เพื่อการ
    กาตเว    เพื่อการทำ
    กาตุํ    เพื่อการทำ, อ.การทำ
ตูน ตฺวา ตฺวาน ปัจจัย (กับทั้งปัจจัยที่อาเทศออกจาก ตฺวา) ในกิริยากิตก์
ใช้ลงท้ายธาตุ เป็นเครื่องหมาย อัพยยกิริยา (คือแจกด้วยวิภัตติไม่ได้)
    กาตูน ตฺวาตฺวาน     ทำแล้ว

* ทําให้เป็นกิริยานาม


เปรียบเทียบ
อญฺญตฺร (นิบาต)    เว้น, แยก*
อญฺญตฺร (สัพพนาม)    ใน…อื่น (=อญฺญสฺมึ)
อญฺญตร (สัพพนาม)    คนใดคนหนึ่ง

* ในหนังสือพจนานุกรม มคธ-ไทย (พันตรี ป. หลงสมบุญ) เป็น อญฺญตฺร (ต เกินมา 1 ตัว)

ยโต = ยสฺมา
ยตฺร = ยสฺมึ
ยทา = ยสฺมึ กาเล